h2.post-title{ font-size:18px;}

5/18/2553

De eerste rijles. เรียนขับรถในเนเธอร์แลนด์ภาคหนึ่ง

โอ้...ชีวิตน้อยๆของน้องมดบนท้องถนนในฮอลแลนด์(เนเธอร์แลนด์)

วันนี้เป็นวันแรกที่ได้เรียนขับรถ(rijles)ในประเทศเนเธอร์แลนด์คะ ตื่นเต้น สับสน ปะปนกันไป ไอ้เรื่องกลัวมันก็ไม่กลัวหรอกนะ เพราะว่าเราขับรถที่เมืองไทยมาแล้วหลายปี แถมยังเคยทำงานที่ต้องเดินทางไกลอยู่บ่อยๆ และต้องขับรถเองวันนึงหลายๆชั่วโมงติดต่อกัน แต่ขอสารภาพว่า ขับรถที่เมืองไทย กฎจราจร(verkeersregels)ในเมืองไทยยังรู้ไม่หมดเลย(แต่ก็สอบใบขับขี่รถยนต์ผ่าน)

กฎจราจรใน Netherlands นั้นเคร่งครัดมากคะ ป้ายจราจรสารพัดป้าย ต้องอ่านให้ทัน บางจุดมันตั้งกันเป็นกระจุก เห็นแล้วก็ตกใจ แล้วฉันจะเริ่มจากตรงไหนดีหว่า? แต่การเรียนขับรถของมดวันนี้ มดเริ่มจากเรียนปฏิบัติก่อนคะ ดังนั้นความรู้เรื่องกฎจราจรบนท้องถนนนั้นพักเอาไว้ก่อน

การเรียนขับรถของมดเริ่มบนท้องถนนจริงเลย(ไม่มีสนามเรียนขับรถเหมือนเมืองไทย) ที่นี่มีรถบรรทุกคันโตๆ(vrachtwagens)ขับสวนให้ขนลุกขนพองเป็นระยะๆ แถมข้างทางยังมีจักรยาน(fietsen)ปั่นเฉไปเฉมาให้สยองเกล้าเป็นหย่อมๆ เกรงจะไปจุ๊บเอาตูดจักรยานมากๆเลยคะ

บางคนก็มีคำถามในใจว่า เคยขับรถหลายปีแล้ว ยังเกร็งอีกเหรอ? ตอบเลยคะว่า "เกร็ง" ก็มันนั่งขับทางซ้ายอะ แถมขับชิดขวาอีก คนมันก็งงเป็นเหมือนกันนะ ต้องพยายามตั้งสติให้ดี

แต่มีข้อดีอย่างคือตรงที่นั่งของครู(ข้างคนขับ)เค้ามีครัช เบรค และคันเร่งเหมือนกัน ดังนั้นการเกิดอุบัติเหตุนั้นน้อยมากคะ แถมบนหลังคารถยังมีป้ายอันเบ้อเริ่ม(เหมือนป้ายแท๊กซี่ในเมืองไทย)ว่าเป็นรถของโรงเรียนสอนขับรถ ดังนั้นคนจะกลัวคะ..แล้วพวกเค้าก็จะคอยอยู่ห่างเราไปเอง ฮ่าๆๆๆ ก็เลยไม่มีอุบัติเหตุไง

โม้มามากแล้ว มดขอเข้าเรื่องเรียนคำศัพท์ภาษาดัตช์ซะหน่อย เกี่ยวกับ rijles (เรียนขับรถ)
  • auto เอา-โต่ แปลว่า รถยนต์
  • sturen สะ-ตือ-เหริ่น แปลว่า ขับขี่, บังคับ
  • handrem ฮันทฺ-เรม แปลว่า เบรคมือ
  • spiegel สะ-ปี-เคิล แปลว่า กระจก
  • autogordel เอา-โต่-คอรฺ-เดล แปลว่า เข็มขัดนิรภัย
  • hoofdsteunen โฮฟทฺ-สะ-ตือ-เหนิ่น แปลว่า เบาะสำหรับพักหรือรองศีรษะ
  • dode hoek โด-เดอะ-ฮู๊กฺ แปลว่า จุดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา หรือกระจกรถยนต์
  • wegrijden แว๊คฺ-เรยฺ-เดิ่น แปลว่า การออกตัวรถ
  • richting aangeven ริคฺทฺ-ติ่ง-อาน-เค-เฝิ่น แปลว่า การให้สัญญาณ
  • remmen เรม-เหมิ่น แปลว่า หยุด(รถ)/เบรค
วันนี้เอาไปสิบคำก่อนนะจ๊ะ ถ้ามีความก้าวหน้ายังไง จะมาเขียนเพิ่มเติมนะคะ ใครที่แวะมาอ่าน ก็ช่วยเป็นกำลังใจให้มดด้วยเน้อ............

ประสบการณ์จากการสอบทฤษฎีขับขี่รถยนต์ส่วนบุคคล

5/17/2553

De regelmatige werkwoorden คำกริยาปกติ

De regelmatige werkwoorden

: คำกริยาปกติ พูดง่ายๆก็คือคำกริยาที่ผันรูปโดยการเติม de/te, den/ten ท้ายรากศัพท์(stam/ik vorm)เมื่อเป็นรูปอดีตกาล(de verleden tijd)
สรรพนามคำกริยาในรูปปัจจุบัน
(de tegenwoordige tijd หรือ ott)
คำกริยาในรูปอดีต
(de verleden tijd หรือ ovt)
ikwerkwerkte
jij/jewerkt (Werk je? รูปคำถามไม่มี t จ๊ะ)werkte
เอกพจน์uwerktwerkte
hijwerktwerkte
zij/zewerktwerkte
julliewerkenwerkten
พหูพจน์wij/wewerkenwerkten
zij/zewerkenwerkten
สรรพนามคำกริยาในรูปปัจจุบัน
(de tegenwoordige tijd หรือ ott)
คำกริยาในรูปอดีต
(de verleden tijd หรือ ovt)
ikluisterluisterde
jij/jeluistert (Luister je? รูปคำถามไม่มี t จ๊ะ)luisterde
เอกพจน์uluistertluisterde
hijluistertluisterde
zij/zeluistertluisterde
jullieluisterenluisterden
พหูพจน์wij/weluisterenluisterden
zij/zeluisterenluisterden
  • หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วฉันจะเติมไอ้เจ้า de/te, den/ten ยังไงหละ? นั่นก็คือใช้หลักการเติม ‘t KoFSCHiP หรือ SoFT KeTCHuP ให้ดูที่กริยารูปเต็ม(infinitief) แล้วตัด –en ที่อยู่ส่วนท้ายสุดของคำกริยานั้นออก จากนั้นให้ดูตัวอักษรที่ยืนอยู่ท้ายสุดของคำกริยานั้นว่าเป็นมีตัว S, F, T, K, CH หรือ P รึเปล่า? ถ้ามีตัวหนึ่งตัวใดในนี้ยืนอยู่หลังสุดของคำกริยานั้นหละก็ แปลว่าเราต้องเติมตัว t ต่อท้าย แต่ถ้าไม่มีพยัญชนะเหล่านี้ ก็เติมตัว d ต่อท้ายเจ้าค่าเอ๊ย
  • Werken → k ยืนท้ายสุด และอยู่ในกฎ ‘t KoFSCHiP ให้เติม t ต่อท้าย
ดังนั้น รูปอดีต(imperfectum/ovt) : stam + te/ten → werkte/werkten
  • Luisteren → r ยืนท้ายสุด และไม่อยู่ในกฎ ‘t KoFSCHiP ให้เติม d ต่อท้าย
ดังนั้น รูปอดีต(imperfectum/ovt) : stam + de/den → luisterde/luisterden
ข้อยกเว้น(อีกแล้ว)
  1. werkwoord ที่ต่อท้าย ik จะไม่มี t เช่น ik krijg
  2. werkwoord ที่ใช้กับ jij/je จะมี t แต่ถ้าเป็นรูปประโยคคำถาม werkwoord จะไม่มี t เช่น Jij krijgt. กับ Krijg jij?
  3. infinitief (กริยารูปเต็ม) ที่ใช้สระเสียงสั้น เช่น kopen, slapen, lezen เมื่อ –en ถูกตัดไป ต้องเติมสระนั้นเข้าไปอีกตัวนึง ดังนี้ ik koop, jij koopt, jullie kopen หรือ ik slaap, jij slaapt, jullie slapen หรือ ik lees, jij leest, jullie lezen
  4. infinitief(กริยารูปเต็ม) ที่มีตัว v หรือ z ตรงกลางของคำ จะถูกเปลี่ยนจาก v เป็น f และจาก z เป็น s ในการใช้กับ ik/jij/u/hij/zij เช่น schrijven – schrijf(t), lezen – lees(t), geven – geef(t)
  5. werkwoord ที่มีต้นกำเนิดมาจากภาษาอังกฤษ เช่น push, match, fax ให้เขียน t ต่อท้าย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อ ex-kofschip การใช้ d หรือ t
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องถอนหายใจ แต่อย่าเพิ่งท้อนะ เพราะนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ยังมีข้อยกเว้นอีกมากมายในการเรียนภาษาดัตช์ หลักในการเรียนภาษาดัตช์นั้นสำคัญที่สุดก็อยู่ที่ต้องผันรูปกริยาให้คล่อง ส่วนที่เหลือก็จะง่ายขึ้นเองคะ ลองหาแบบฝึกหัดมาทำเยอะๆนะจ๊ะ จะได้จำคำศัพท์ได้เยอะๆ หัดอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาดัตช์ด้วยก็ดีจ้า จะได้หัดแต่งประโยคในภาษาดัตช์ไปในตัว


@MaLiWan@

5/08/2553

De tijden กาลเวลาในภาษาดัตช์

De tijden หรือ กาล คือรูปของคำกริยาที่แสดงให้เห็นถึงเวลาของการกระทำ หรือเหตุการณ์ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซึ่ง de tijden ในภาษาดัตช์นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากการผัน(vervoegen)คำกริยา(werkwoorden)ในแต่ละประโยคจะขึ้นกับกาล(de tijden)ด้วย

De tijden ในหลักไวยากรณ์ภาษาดัตช์นั้นสามารถแจกแจงได้ดังนี้

  1. Onvoltooid tegenwoordige tijd (ott/presens): Deze tijd geeft een handeling weer die op het moment van spreken plaatsvindt.
  2. Voltooid tegenwoordige tijd (vtt/perfectum): Wordt gebruikt voor handelingen die gezien vanuit het moment van spreken in het verleden plaatsvonden en afgerond zijn.
  3. Onvoltooid verleden tijd (ovt/imperfectum): Deze geeft een handeling weer die in het verleden plaatsvond, en waarvan het “afgerond zijn” niet nadrukkelijk aanwezig is.
  4. Voltooid verleden tijd (vvt/plusquamperfectum): wordt gebruikt voor handelingen die vanuit het verleden gezien in het verleden plaatsvonden en al afgerond waren.
  5. Onvoltooid tegenwoordige toekomende tijd (ottt/futurum): Deze tijd geeft een handeling weer die in de toekomst plaats zal vinden.
  6. Voltooid tegenwoordige toekomende tijd (vttt): Wordt gebruikt voor handelingen die gezien vanuit het moment van spreken in de toekomst plaatsvinden en afgerond zijn.
  7. Onvoltooid verleden toekomende tijd (ovtt/conditionalis): Wordt gebruikt voor handelingen die gezien vanuit het moment van spreken in het verleden plaats hadden kunnen vinden.
  8. Voltooid verleden toekomende tijd (vvtt): Wordt gebruikt voor handelingen die gezien vanuit het moment van spreken in het verleden plaats hadden kunnen vinden en afgerond zijn.

เห็นแล้วก็ตกใจว่าทำไมมันมีเยอะขนาดนี้ แต่ครูเค้าบอกว่าให้เรียนแค่ 6 รูปก็พอแล้ว เออ..หายไปสองแบบ ค่อยยังชั่วหน่อย … แต่ก็ไม่วาย ยังเยอะอยู่ดี เจ้า 6 รูปที่ว่านี้คือคำที่ได้เน้นสีฟ้าๆไว้นะคะ

5/07/2553

De bevrijdingsdag - Liberation day

4 mei Dodenherdenking

เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง (Tweede Wereldoorlg) ในทุกๆปีซึ่งตรงกับวันที่ 4 พฤษภาคม ทั่วทั้งประเทศเนเธอร์แลนด์จะร่วมกันรำลึกถึงบรรพบุรุษ หรือญาติ พี่ น้อง ที่ได้เสียชีวิตไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น โดยพระราชินีเบียทริกซ์ (Koningin Beatrix) จะทรงวางพวงหรีด ณ อนุสาวรีย์ De Dam ใน Amsterdam แทนประชาชนทั้งประเทศ ในแต่ละจังหวัดก็จะมีนายกเทศมนตรี(De burgemeesters) ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนมาวางพวงหรีด ณ อนุสาวรีย์ ในเขตของตน นอกจากนี้ยังมีการวางพวงหรีดของผู้ที่รอดชีวิตจากสงครามฯ และประชาชนทั่วไปด้วย ซึ่งทุกๆคนหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีก

Even stilstaan

รัฐบาล(De regering) ได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกคนร่วมกันไว้อาลัยโดยการสงบนิ่งเป็นเวลา 2 นาที ในวันที่ 4 พฤษภาคม เวลาสองทุ่มตรง ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือ โบสถ์ และทุกๆบ้านจะมีการปักธงชาติ (de rood, wit, blauwe vlag) ส่วนสถานที่สำคัญต่างๆก็จะมีการลดธงชาติลงครึ่งเสาเพื่อเป็นการไว้อาลัยด้วย

5 mei De bevrijdingsdag
หลังจากที่ได้ร่วมกันไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว วันที่ 5 พฤษภาคม ก็จะเป็นวันเฉลิมฉลองอิสระภาพของผู้รอดชีวิต และประชาชนดัตช์ทั้งประเทศ เนื่องจากในวันที่ 5 พฤษภาคมi 1945 เป็นวันที่ประเทศเยอรมันได้ประกาศยอมแพ้สงคราม ซึ่งหลังจากนั้นทุกคนสามารถทำทุกอย่างได้อย่างที่อยากทำ ไปไหนก็ได้ในที่ที่อยากจะไป เด็กๆก็สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ

De bevrijdingsdag (5 mei) เป็นวันหยุดของประเทศ ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศไม่ต้องไปทำงาน เด็กๆก็ไม่ต้องไปโรงเรียน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฉลองอิสระภาพจากสงครามนั่นเอง จะเห็นว่าตามเมืองใหญ่ๆเช่น Amsterdam จะมีการแสดงดนตรีอย่างยิ่งใหญ่

5/06/2553

Bijlage zinsbouw

บทความนี้เป็นการสรุปโครงสร้างประโยคทั้งหมดในภาษาดัตช์ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องเตรียมไปสอบ staatsexamen NT2 มดได้ข้อมูลมาจากหนังสือ “WOORDVOLGORDE van de Nederlandse taal” ผู้เขียนคือ “Marja Paalman” ถ้าใครสนใจก็ลองอาศัย อากู๋ (google) ค้นหาข้อมูลได้คะ
อันดับแรกมดขออธิบายหมายเลขต่างๆในบทความนี้ก่อนว่ามันคืออะไร
  1. Onderwerp คือ ประธาน
  2. Persoonsvorm คือ คำกริยา
  3. Ander(e) zinsdeel/zinsdelen /* คือ ส่วนขยายต่างๆในประโยคซึ่งมีอยู่หลายชนิด
    1. bepaling van tijd
    2. bepaling van plaats
  4. Ander(e) werkwoord(en) คือ คำกริยาอื่นๆ(infinitief)
De constructie van een neutrale hoofdzin.
ประโยคบอกเล่ารูปปกติ
onderwerp(1) + persoonsvorm(2) + andere zinsdelen(3) + andere werkwoorden(4)

เช่น Ik (1) wil (2) morgen(3) een goed cijfer(3) hebben(4).

De constructie van een vraagzin zonder vraagwoord.
ประโยคคำถามที่เริ่มประโยคด้วยคำกริยาสำคัญ
persoonsvorm(2) + onderwerp(1) + andere zinsdelen(3) + andere werkwoorden(4)

เช่น Gaan(2) jullie(1) een huis(3) bouwen(4)?

De constructie van een vraagzin met vraagwoord.
ประโยคคำถามที่เริ่มประโยคด้วยคำถาม
vraagwoord(3) + persoonsvorm(2) + onderwerp(1) + andere zinsdelen(3) + andere werkwoorden(4)

เช่น Waar(3) ga(2) je(1) heen(3)?

De constructie van een hoofdzin met inversie.
ประโยคบอกเล่ารูปกลับ
andere zinsdelen(3) + persoonsvorm(2) + onderwerp(1) + andere werkwoorden(4)

เช่น Morgen(3) ga(2) ik(1) autorijden(4).

Zin met scheidbaar werkwoord als persoonvorm.
ประโยคที่ใช้คำกริยาแยกตัวได้
onderwerp(1) + persoonsvorm(2) + andere zinsdelen(3) + rest van persoonsvorm(2*)

เช่น Ik(1) steek(2) de straat(3) over(2*). oversteken

Zin met scheidbaar werkwoord als voltooid deelwoord.
ประโยคที่ใช้คำกริยาแยกตัวได้ในรูปสมบูรณกาล
onderwerp(1) + persoonsvorm(2) + andere zinsdelen(3) + voltooid deelwoord(4)

เช่น Ik(1) heb(2) mijn handen(3) afgedroogd(4). hebben afgedroogd

Zin met scheidbaar werkwoord als heel werkwoord.
ประโยคที่ใช้คำกริยาแยกตัวได้ในรูปกริยาเต็ม
onderwerp(1) + persoonsvorm(2) + andere zinsdelen(3) + heel werkwoord(4)

เช่น ik(1) ga(2) mijn handen(3) afdrogen(4)

Zinsdelen die beginnen met een voorzetsel.
ประโยคที่มีคำบุพบท
เช่นWe(1) gaan(2) in Limburg(3) winkelen(4).
We(1) gaan(2) winkelen(4) in Limburg (3). (in = voorzetsel)
De hoofdzin/nevenschikking
ประโยคความรวมที่มีประโยคหลักสองประโยค(want – of – maar – en – ใช้เป็นตัวเชื่อม)
เช่น
hoofdzin + hoofdzinhoofdzin + hoofdzin
Ik dicteer de tekst en jij schrijft hem op.Ik koop een boek of (ik koop) een cd.
De bijzin/onderschikking ประโยคเชิงซ้อน
Bijzinnen staan voor, acter of in de hoofdzin.
hoofdzin + bijzinbijzin + hoofdzin
Gisteren bleef Tim thuis, omdat hij ziek was.Als je een brood wilt bakken, moet je genoeg tijd hebben.
De constructie van een bijzin.
โครงสร้างของประโยครอง
onderwerp(1) + andere zinsdelen(3) + andere werkwoorden(4) + persoonsvorm(2)
เช่น Ik roep je, als ik(1) je straks nodig(3) heb(2). (als = voegwoord)
Inversie in de hoofdzin bij volgorde bijzin/hoofdzin.
ประโยครูปกลับของประโยคหลัก
เช่น Als je een huis wilt kopen, moet je veel geld hebben. (hoofdzin)
Woordvolgorde tijd en plaats.
ตำแหน่งของการวางเวลา และ สถานที่
In een neutrale zin gaat tijd voor plaats.
เช่นWe gaan morgen(tijd) om zes uur(tijd) naar Amsterdam(plaats).
Als je de nadruk wilt leggen op plaats, dan komt plaats eerst.
เช่นIk ga naar mijn school(plaats) morgenochtend(tijd) en niet naar de kerk(plaats).
Niet in de hoofdzin.
การปฏิเสธในประโยคหลัก
“Niet” staat nooit voor de persoonsvorm.
“Niet” staat in het algemeen zo ver mogelijk achteraan in de zin.
“Niet” staat voor het woord dat ontkend wordt.
เช่นDit huis is niet mooi.
Ik zie haar niet.
Zij komt niet eten.
Niet in de bijzin.
การปฏิเสธในประโยครอง
In de bijzin komt niet voor de persoonsvorm.
เช่นHij zegt dat hij vanavond niet komt eten.

5/04/2553

Familie – Family-ครอบครัว

Familie แปลว่า ครอบครัว ในหนึ่งครอบครัวก็จะประกอบไปด้วย vader, moeder และ kind ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่เหมือนในเมืองไทยก็จะมี opa, oma, oom และ tante ซึ่งบนโลกใบนี้ธรรมชาติได้สรรค์สร้างให้มนุษย์มีสองเพศนะคะ ส่วนเพศที่ได้กำเนิดใหม่นี้ เช่น เพศที่สาม หรือ เพศที่สี่ มดไม่สามารถเขียนเป็นภาษาดัตช์ให้ทุกคนอ่านได้คะ เพราะว่าไม่รู้จริงๆ แหะๆๆๆ เอาหละไม่อยากโม้มาก เดี๋ยวจะนอกเรื่อง… เอาเป็นว่ามดจะแจกแจงการเรียกปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ลูกเต้า พ่อ และแม่ ในภาษาดัตช์ให้ดังนี้คะ

Dutch : ดัตช์

อ่านว่า

แปลว่า

familieฟา-มิ-หลิครอบครัว
opaโอ-ป้าปู่ หรือ ตา
omaโอ-ม่าย่า หรือ ยาย
vaderฟา-เด่อรฺพ่อ
moederมู-เด่อรฺแม่
babyเบ-บี่ทารก
kindกิ๊นทฺลูก (หนึ่งคน) หรือ เด็ก (หนึ่งคน)
kinderenกิ๊น-เด่อ-เหริ่นลูก(มากกว่าหนึ่งคน) หรือ เด็ก (มากกว่าหนึ่งคน)
zoonโซนลูกชาย
dochterดอคฺ-เต่อรฺลูกสาว
broerบรัวพี่ชาย หรือ น้องชาย
zusซึสพี่สาว หรือ น้องสาว
oomโอมลุง หรือ น้า(ผู้ชาย) หรือ อา(ผู้ชาย)
tanteตัน-เตอะป้า หรือ น้า(ผู้หญิง) หรือ อา(ผู้หญิง)
kleinkindเกลน-กิ๊นทฺหลาน
kleinzoonเกลน-โซนหลานชาย
kleindochterเกลน-ดอคฺ-เต่อรฺหลานสาว
achterkleinkindอัคฺ-เต้อรฺ-เกลน-กิ๊นทฺเหลน
achterkleinzoonอัคฺ-เต้อรฺ-เกลน-โซนเหลนผู้ชาย (ใช้ไม่บ่อย)
achterkleindochterอัคฺ-เต้อรฺ-เกลน-ดอคฺ-เต่อรฺเหลนผู้หญิง (ใช้ไม่บ่อย)
manมันผู้ชาย
vrouwเฟราผู้หญิง
jongenยง-เหงิ่นเด็กผู้ชาย
meisjeเมส-เฉอะเด็กผู้หญิง
meidเมทเด็กผู้หญิง (ส่วนใหญ่ใช้ meisje มากกว่า)

วันนี้อารมณ์ดีคะ...เลยเขียนเกี่ยวกับคำตรงกันข้ามให้ด้วย เผื่อจะได้ใช้ในการเตรียมสอบเอ็มวีวีไงคะ เรียนดัตช์(คำศัพท์ตรงกันข้าม-tegenstelling)วันละนิดจิตแจ่มใส

opa - oma
vader - moeder
man - vrouw
zoon - dochter
jongen - meisje
broer - zus
oom - tante
โชคดีนะคะ @MaLiWan@

5/03/2553

เนื้อหาที่เกี่ยวกับข้อสอบ staatsexamen NT2 1

ถ้าใครที่ใกล้จะต้องไปสอบ staatsexamen NT2 แล้ว วิธีการเตรียมตัวที่ดีที่สุดคือให้อ่านข่าวและฟังข่าวให้มากๆคะ เพราะว่าข้อสอบอ่านกับฟังนี้จะเป็นสถานการณ์หรือข้อมูลจริงที่กำลัง Hot Hit ณ ขณะนั้น ถ้าเราอ่านและฟังมาก เราก็จะได้คำศัพท์ และรับรู้เรื่องราวอย่างคร่าวๆ เพื่อตุนไว้เป็นแนวในการตอบคำถามในห้องสอบได้คะ ข้อสอบนี้ก็จะมีอยู่ 4 ทักษะด้วยกัน คือ ฟัง พูด อ่าน และเขียน

ตัวอย่างข้อสอบเขียน NT2

Luisteren

การสอบฟังจะมีอยู่สองลักษณะนะคะคือ
  1. globaal luisteren คือ ฟังเรื่องบางอย่างแล้วต้องสรุปรวมๆได้ว่าเรื่องนี้พูดเกี่ยวกับอะไร
  2. selectief luisteren คือ ฟังแล้วหาคำตอบในเรื่องที่ฟังได้อย่างถูกต้องตรงประเด็น
ข้อสอบฟังจะมีอยู่ 3 ตอน(ห้ามใช้พจนานุกรมคะ) โดยฟังและตอบคำถามจากคอมพิวเตอร์ ทั้งสามตอนนี้จะมีหลากหลายสถานการณ์ หลายสำเนียง แต่ไม่มี dialect บางสถานการณ์มีคนคุยกันถึงสองหรือสามคน บางอันก็เป็นข่าว บางอันก็เป็นบทสัมภาษณ์

ตัวข้อสอบจริงๆที่มดได้เคยเจอมา มันจะเกี่ยวกับ opleiding กับ werk เช่น Een werkgever die een nieuwe werknemer vertelt wat hij precies moet gaan doen.

บางข้อจะมีรูปให้เราดูในคอมพิวเตอร์ แล้วก็ให้เราฟังเค้าอธิบาย หลังจากนั้นก็ให้เราตอบคำถามว่าที่เค้าพูดอธิบายมาให้เราฟังทั้งหมดเนี้ย มันตรงกับรูปไหน (พอเห็นรูปปุ๊บก็ตั้งสติให้ดีนะคะ แล้วก็ฟังเค้าอธิบาย อันนี้ไม่ยากคะ) แล้วบางข้อก็เป็นรูปนาฬิกา

ข้อสอบฟังนี้ จะเป็นแบบตัวเลือกนะคะ A, B, C บางข้อก็มีถึง D คะ เทคนิคในการสอบฟังคือ เราต้องรีบอ่านตัวคำถามก่อน จากนั้นก็ให้รีบอ่านตัวเลือก A, B, C และ D ที่บอกให้รีบเพราะว่าถ้ามัวแต่ชักช้า เราอ่านคำถามหรือคำตอบยังไม่ทันเสร็จ ไอ้เจ้าคอมพิวเตอร์มันก็จะพูดขึ้นมาเลยคะ ทีนี้เราก็จะไม่มีเวลาทำความเข้าใจคำถามและคำตอบอีกต่อไป เพราะเราต้องไปตั้งใจฟังในสิ่งที่เค้ากำลังพูด พอฟังเสร็จเราก็ต้องเลือกตอบให้รวดเร็ว แล้วให้คลิ๊กไปคำถามข้อถัดไปเพื่ออ่านคำถามและคำตอบอีก (อย่าข้าม ถ้าไม่รู้ก็ให้เดาไปก่อน เพราะไม่งั้นเราจะไม่มีเวลากลับมาตอบคำถามข้อนั้นอีก)

ข้อสอบฟังทั้งสามตอนนี้ จะมีอยู่ประมาณ 40 ข้อ บางทีก็มากกว่านั้นคะ แล้วแต่ชุดข้อสอบในแต่ละชุด

ถ้ามดจำไม่ผิด การแก้ไขคำตอบเราก็สามารถทำได้คะ แต่ว่าเราจะไม่สามารถย้อนไปฟังบทความนั้นได้อีก นี่แหละเหตุผลที่ว่า ถ้าไม่รู้ก็เดาคำตอบไปก่อน ไอ้เจ้าคำตอบนี่มันก็ลวงๆเราเหมือนกันนะคะ เช่น เค้าจะเปลี่ยนแค่ doordat กับ daardoor อะไรเงี้ย ส่วนที่เหลือในประโยคเหมือนกันหมด (มดเองก็สติแตก อ้าว..แล้วไอ้สองตัวนี้มันต่างกันไงวะ?) บางคนอาจจะอธิบายให้มดฟังได้อย่างละเอียด แต่ ณ สถานการณ์ ในห้องสอบขณะนั้น มันคิดอะไรไม่ออกแล้วเจ้าคะ เดามันโลด

ตอนที่มดสอบฟัง เค้ามีการให้เราหยุดพักประมาณ 10 นาที (ในห้องสอบ) เพื่อให้เราผ่อนคลายด้วยคะ

Lezen

ข้อสอบอ่านนี้ก็ไม่พ้นเกี่ยวกับเรื่อง opleiding กับ werk แต่ก็จะมีเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องในชีวิตประจำวันด้วย เช่น จดหมาย, คู่มือการใช้อุปกรณ์บางอย่าง, อ่านบทสัมภาษณ์ ฯลฯ

  • descriptieve teksten, bijvoorbeeld berichten van een opleiding of werkgevers, informatiefolders en teksten uit leerboeken;
  • persuasieve teksten, bijvoorbeeld advertenties en ingezonden brieven;
  • beschouwende teksten, bijvoorbeeld artikelen uit tijdschriften uit de wereld van arbeid en opleidingen met meningen van verschillende personen;
  • instructieve teksten, bijvoorbeeld handleidingen over de werking van apparaten, routebeschrijvingen en teksten over wat je moet doen bij een brand of bij een ongeluk op het werk.
เทคนิคของมด คือ ให้อ่านคำถามก่อนแล้วถึงจะไปหาคำตอบใน tekst (เป็นเล่ม tekst boek นะคะ ไม่ได้อ่านในคอมพิวเตอร์ แต่เราต้องตอบคำถามในคอมพิวเตอร์คะ) เรื่องหนึ่งๆ อาจจะมีหลายคำถาม ส่วนคำตอบก็เป็นแบบตัวเลือก เราไม่จำเป็นต้องอ่านทั้งหมดคะเพราะบางบทความมีเนื้อหาตั้งสองหรือสามหน้า อ่านกันไม่ไหวหรอกคะ คำศัพท์ก็ยาก แต่ตั้งสติให้ดีและกวาดตามองอย่างเร็วๆ แล้วคุณก็จะเจอคำตอบเองคะ
บางข้อนั้นจำเป็นต้องอ่านทั้งบทความเราถึงจะสามารถตอบคำถามได้คะ … อ่านมาถึงตรงนี้บางคนก็แย้งว่าแล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าจะต้องอ่านทั้งหมด หรือเลือกอ่านแค่บางตอน อันนี้ต้องไปลองหัดทำข้อสอบ Voorbeeldexamen ดูคะ แล้วจะรู้ มดได้เขียนลิงก์ไว้ในบทความก่อนหน้านี้แล้วคะ ลองเข้าไปอ่านดู

ข้อสอบอ่าน จะมีเรื่องให้เราอ่านประมาณ 8 เรื่อง และทั้งหมดนี้จะมีคำถามอยู่ประมาณ 40 – 50 คำถาม

พจนานุกรม อนุญาตให้นำติดตัวไปได้สูงสุด 3 เล่ม แต่ไม่อนุญาต elektronische woordenboeken และไม่อนุญาตพจนานุกรมที่มีตัวอย่างประโยค เช่น Leerwoordenboek เรื่องพจนานุกรมนี้มดไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ในห้องสอบคะเพราะว่ามันไม่มีเวลาใช้จริงๆ มัวแต่เปิดหาคำศัพท์ เผลอแผลบเดียวหมดเวลาไปซะแล้ว แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆก็ใช้ได้คะ

ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็บริหารจัดการเวลาให้พอเหมาะในแต่ละตอนนะคะ จะได้เหลือเวลาไว้สำหรับทบทวนหรือแก้ไขคำตอบในข้อที่เราไม่แน่ใจคะ

ตัวอย่างข้อสอบ Vragen kleuren (MVV visa)

อย่างที่มดเคยเกริ่นไว้แล้วเกี่ยวกับการสอบเอ็มเฟเฟ วีซ่า หรือ เอ็มวีวี วีซ่า หรือ mvv visa นั้น จะต้องมีการสอบทักษะการพูดของเราด้วย ส่วนหนึ่งในการสอบพูดคือ Vragen
Vragen อ่านว่า ฟรา-เคิ่น ซึ่งแปลว่า “ถาม” การถามนี้จะเป็นคำถามสั้นๆ เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว ซึ่งเราก็ควรตอบสั้นๆ ที่จริงแล้วข้อสอบพวกนี้ไม่ยากเท่าไหร่คะ เอาหละ..มดจะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้ว วันนี้มดจะขอยกตัวอย่างข้อสอบเกี่ยวกับสี kleuren พร้อมคำแปลให้ดูกันเลยดีกว่า

Vragen

Antwoord

Welke kleuren heeft de Nederlandse vlag?rood wit blauw
เวล-เกอะ เคลือ-เหริ่น เฮฟฺทฺ เดอะ เน-เดอรฺ-ลันดฺ-เสอะ ฟลัคฺโร้ด วิทฺ เบลา
ธงชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์มีสีอะไรแดง ขาว น้ำเงิน
Welke kleur hoort bij het Nederlands koninklijk huis?oranje
เวล-เกอะ เคลือ โหรฺทฺ* เบยฺ เห็ท เน-เดอรฺ-ลันดฺสฺ โค-นิงกฺ-เหล็กฺ เฮายฺสฺออ-รัน-เหยอะ
สีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์(ตัวแทน)ของราชวงศ์ประเทศเนเธอร์แลนด์ส้ม
* รฺทฺ คือ การออกเสียง รึ กับ ทึ ติดกันเร็วๆและเบาๆ
Welke kleuren heeft een verkeerslicht?rood oranje groen
เวล-เกอะ เคลือ-เหริ่น เฮฟฺทฺ เอิ่น แฟรฺ-เกียรฺสฺ-หลิคฺทฺโร้ด ออ-รัน-เหยอะ ครูน
สัญญาณไฟจราจรมีสีอะไรบ้างแดง ส้ม เขียว
Welke kleur heeft drop meestal?zwart
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ ดร็อปฺ เมส-ตัลซะ-วารฺทฺ
ลูกอมดร็อปฺ(ลูกอมสูตรดั้งเดิมของคนดัตช์) ส่วนมากมีสีอะไรดำ
Welke kleur heeft een sinaasappel?oranje
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ เอิ่น สิ-นาส-อั๊ป-เปิ่ลอะ-รัน-เหยอะ
ส้มมีสีอะไรส้ม
(sinaasappel เป็นส้มชนิดที่ใช้คั้นทำน้ำส้ม แต่ถ้าเป็นส้มเขียวหวานจะเรียกว่า mandarijn มัน-ดะ-เรยฺน)
Welke kleur heeft gras?groen
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ ครัสครูน
หญ้ามีสีอะไรเขียว
Welke kleur heeft een citroen?geel (geel)
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ เอิ่น ซิ-ตรูนคีล
มะนาวมีสีอะไรเหลือง
Welke kleur heeft melk?wit (wit)
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ แม-ลึกฺวิท
นมมีสีอะไรขาว
Welke kleur heeft een tomaat ?rood
เวล-เกอะ เคลือ เฮฟฺทฺ เอิ่น โต-ม้าทฺโร้ด
มะเขือเทศมีสีอะไรแดง
Welke kleur haar hebben oude mensen meestal?grijs
เวล-เกอะ เคลือ ฮารฺ เฮ็บ-เบิ้น เอา-เดอะ เมน-เซิ่น เมส-ตัลเครฺยฺส
ผมของคนแก่ส่วนมากมีสีอะไรเทา (ผมหงอก)

5/02/2553

เรียนไปก็มั่ว ปวดหัวชะมัด

เอ...อะไรก็อยากเขียนไปหมด ประมาณว่าเป็นคนจับจดทำอะไรไม่เสร็จซักอย่าง เห็นหัวข้อนั้นก็อยากเขียน หัวข้อนี้ก็อยากบอกต่อ พอไปสะดุดไวยากรณ์อะไรที่เราไม่เข้าใจ ก็เฉไฉไปหาความรู้เพิ่มแล้วก็ได้หัวข้อใหม่มาอีก พอรู้ตัวอีกที เอ้า....หัวข้อนั้นก็ยังไม่เสร็จเลย  แล้วจะทำอะไรต่อไปหละเนี่ย  ใครที่ได้แวะเข้ามาอ่านบทความของมดก็อย่าเพิ่งเวียนหัวตามมดไปหละ มีคำถามอะไรก็เม้นท์มาถามกันได้คะ? อยากตอบอยากช่วยกัน (เรื่องตังค์ห้ามถามนะคะ ไม่มีให้ยืมหรอกคะ เหอ ๆ ๆ ๆ)

เฮ้อ...ที่บอกว่าเรียนไปก็มั่ว นั่นคือมีความรู้(ในหนังสือ)ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอดคะ คือยังพูดภาษาดัตช์อย่างงงงวยอยู่ ไวยากรณ์ภาษาดัตช์นี่มันช่างซับซ้อนซ่อนเงื่อนซะเหลือเกิน กลับหน้ากลับหลัง เปลี่ยนคำกริยาตามประธานและกาล เอ่อ....ชักเริ่มเอ๋อ

ยิ่งอยู่บ้านเลี้ยงลูก ไม่ค่อยได้เจอใคร ภาษาที่ได้ร่ำเรียนมาพร้อมกับ diploma ที่ได้สอบผ่านมาแล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย สอบผ่านแล้วก็ส่งคืนครูหมด ส่วนภาษาที่เหลือติดตัวอยู่ ณ ตอนนี้ก็คือ ภาษาดัตช์เด็ก ฮั่นแน่! งงหละสิ ก็มดคุยอยู่แต่กับลูกๆ มันก็ต้องพูดกันแบบสั้นๆง่ายๆ ไม่ต้องมีประธาน หรือกรรม อะไรให้มันวุ่นวาย

เวลามดไปงานเลี้ยงบ้านสาวไทย มดก็พยายามแทรกซอนตัว(ไม่ใช่ไส้เดือนนะเออ)เข้าไปในกลุ่มหนุ่มๆชาวดัตช์ เพื่อต้องการจะซึมซาบความเป็นดัตช์ แต่ก็นะ...ฟังไม่ทันอะดิ ก็เค้าพูดภาษาพื้นเมือง ไม่ใช่ภาษากลาง แล้วลาล่าอย่างเดี๊ยนจะฟังทันเหรอคะ คนแถวLimburg เค้าจะพูด limburg กันซะส่วนใหญ่ เหมือนเราอยู่เชียงใหม่ก็พูดภาษาเหนือ จะไม่ค่อยพูดภาษาไทย(กลาง)กัน ความคิดที่ว่าจะพัฒนาภาษาดัตช์โดยแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มหนุ่มดัตช์ก็ล้มเลิกไปได้เลย แห้วเจ้าคะ ... ส่วนจะพูดภาษาดัตช์กับสาวไทยด้วยกันเหรอ? เป็นไปไม่ได้เลยคะ มันไม่ได้ดั่งใจ ไม่ได้รสชาด เหมือนส้มตำขาดปลาร้า ฮ่าๆๆๆ

เอาหละ วันนี้ไม่ได้สาระสาเรอะ อะไรแล้ว ขออนุญาตมาบ่นให้ฟังเฉยๆคะ

5/01/2553

บทที่ 8 Geld สกุลเงิน และการอ่านค่าเงินในภาษาดัตช์

ยูโร หรือ Euro เป็นสกุลเงินที่ใช้ในประเทศเนเธอร์แลนด์(The Netherlands) ซึ่งมีทั้งที่เป็นเหรียญและธนบัตร

เหรียญ
1 centeen centเอน เซ็นต์หนึ่งเซ็นต์
2 centtwee centทเว เซ็นต์สองเซ็นต์
5 centvijf centเฟยฺฟฺ เซ็นต์ห้าเซ็นต์
10 centtien centติน เซ็นต์สิบเซ็นต์
20 centtwintig centทวิน ติค เซ็นต์ยี่สิบเซ็นต์
50 centvijftig centเฟยฺฟฺ ติค เซ็นต์ห้าสิบ เซ็นต์
1 euroeen euroเอน อือ โรหนึ่ง ยูโร
2 eurotwee euroทเว อือ โรสอง ยูโร
 
ธนบัตร
5 eurovijf euroเฟยฺฟฺ อือ โรห้า ยูโร
10 eurotien euroติน อือ โรสิบ ยูโร
20 eurotwintig euroทวิน ติค อือ โรยี่สิบ ยูโร
50 eurovijftig euroเฟยฺฟฺ ติค อือ โรห้าสิบ ยูโร
100 eurohonderd euroฮน แดรฺด อือ โรหนึ่งร้อย ยูโร

1 euro100 cent
€ 1,-1 euro
€ 10,-10 euro
€ 5,50-vijf euro vijf-tig cent หรือ
vijf euro vijf-tig (ไม่มี cent ต่อท้าย)
€ 17,25zeven-tien euro vijf en twintig cent หรือ
zeven-tien euro vijf en twintig
€ 45,54vijf en veertig euro vier en vijftig cent หรือ
vijf en veertig euro vier en vijftig

การอ่านตัวเลขในภาษาดัตช์นั้นไม่เหมือนกับประเทศไทยเรา เพราะจะมีการอ่านย้อนกลับจากด้านหลังมาด้านหน้า และจะใช้คอมม่า(comma)หรือเจ้าเครื่องหมายลูกน้ำแทนการใช้จุดทศนิยม อธิบายมากแล้วก็จะพากันงงไปใหญ่ เอาเป็นว่ามดยกตัวอย่างให้เห็นกันเลยดีกว่า เช่น
แปลตามตัวตรงๆ
4viervierสี่
14veertienveer-tienสี่-สิบ
24vierentwintigvier en twin-tigสี่ และ ยี่สิบ
34vierendertigvier en der-tigสี่ และ สามสิบ
44vierenveertigvier en veer-tigสี่ และ สี่สิบ
54vierenvijftigvier en vijf-tigสี่ และ ห้าสิบ
54,5vierenvijftig comma vijf หรือ
vierenvijftig en half
54,65vierenvijftig comma vijfenzestig

หมายเหตุ ee ที่มดได้เน้นไว้นั้น มดไม่ได้เขียนผิดนะคะ แต่ว่ามันเป็นข้อยกเว้นคะ และคนต่างชาติอย่างเราๆมักจะเขียนผิดกันบ่อยๆ ยังไงก็ท่องจำเอาไว้เลยนะจ๊ะ

3drie
13dertien
30dertig
4vier
14veertien
40veertig
8acht
18achttien
80tachtig

การอ่านตัวเลข 1-20 ในภาษาดัตช์ พร้อมฟังสำเนียงพูดดัตช์แท้ๆ

เรียนภาษาดัตช์ บทที่9 กิน ดื่ม (eten drinken)

@MaLiWan@
 

SEO

ASR

Free counter and web stats